สำหรับเด็กอายุ 3 ปี 11 เดือน

   การส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละด้านนั้นสามารถทำได้โดยการให้โภชนาการที่ดีและกิจกรรมที่เหมาะสมตามช่วงวัยเพื่อพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และทักษะทางสังคม ดังนี้:

  1. อาหารและโภชนาการ
  • อาหารที่เหมาะสม: ควรให้เด็กทานอาหารที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ เช่น ข้าว, ผัก, ผลไม้, เนื้อสัตว์ หรือโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว, ไข่ และแหล่งไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก, อะโวคาโด
  • ปริมาณอาหาร: ควรให้พลังงานประมาณ 1,000-1,400 กิโลแคลอรีต่อวัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมทางร่างกายและสุขภาพของเด็ก
  • น้ำ: ควรดื่มน้ำสะอาดมากพอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกาย
  1. พัฒนาการด้านร่างกาย
  • การเคลื่อนไหว: เด็กในวัยนี้สามารถวิ่ง, ปีน, กระโดด, ขี่จักรยาน 3 ล้อได้ การเล่นกิจกรรมที่ต้องใช้ร่างกายเช่น ฟุตบอล หรือการเต้น จะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและการประสานงาน
  • การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก: ทักษะการจับดินสอหรือปากกาเพื่อวาดภาพหรือเขียนตัวอักษร เริ่มพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น
  • พัฒนาการการนอน: เด็กอายุ 3 ปี 11 เดือนควรนอนประมาณ 10-12 ชั่วโมงต่อวัน
  1. พัฒนาการด้านสติปัญญาและภาษา
  • พัฒนาการทางภาษา: เด็กจะเริ่มใช้ประโยคที่มีคำหลายคำและสามารถพูดประโยคซับซ้อนได้มากขึ้น คำศัพท์เริ่มขยายออกไป การอ่านหนังสือภาพและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นในหนังสือจะช่วยพัฒนาภาษา
  • การเรียนรู้: เด็กสามารถเรียนรู้การตั้งคำถามที่เป็นเหตุเป็นผล และเริ่มพัฒนาแนวคิดเรื่องเวลา เช่น เช้า, บ่าย, เย็น
  1. พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ
  • การควบคุมอารมณ์: เด็กเริ่มพัฒนาเข้าใจและควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น เช่น การรู้จักขอโทษเมื่อทำผิด
  • ความมั่นใจในตนเอง: การให้เด็กมีโอกาสเลือกทำกิจกรรมต่างๆ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง
  1. พัฒนาการด้านสังคม
  • การเข้าสังคม: เด็กเริ่มมีการเล่นกับเพื่อนและรู้จักแบ่งปันของเล่นหรือของใช้
  • การทำงานร่วมกับผู้อื่น: การทำกิจกรรมกลุ่ม เช่น เล่นเกมหรือทำงานบ้านจะช่วยเสริมสร้างทักษะทางสังคม เช่น การรอคิว การแบ่งปัน
  1. ประโยชน์ของกิจกรรมเดี่ยว
  • การเสริมทักษะการคิด: กิจกรรมเดี่ยวช่วยให้เด็กสามารถคิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เช่น การต่อจิ๊กซอว์ หรือการเล่นปริศนา
  • การพัฒนาความมั่นคงในตัวเอง: การทำกิจกรรมเดี่ยวช่วยสร้างความมั่นใจและรู้จักการทำงานในแบบของตัวเอง
  1. ประโยชน์ของกิจกรรมกลุ่ม
  • การพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม: การเล่นกับเพื่อนช่วยเสริมทักษะการแบ่งปัน, การร่วมมือกัน, และการฟังความคิดเห็นผู้อื่น
  • การเรียนรู้การแก้ไขปัญหา: การเล่นเกมที่ต้องทำงานร่วมกันช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจร่วมกัน
  1. ตัวอย่างกิจกรรมเสริมประสบการณ์
  • กิจกรรมศิลปะ: วาดรูป, ระบายสี, หรือทำงานฝีมือ
  • การสร้างประสบการณ์ใหม่: การพาเด็กไปสวนสัตว์ หรือพิพิธภัณฑ์
  • กิจกรรมการเล่านิทาน: เล่านิทานที่มีข้อคิดดีๆ เช่น นิทานเกี่ยวกับการแบ่งปันหรือการแสดงความเมตตา
  1. ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม
  • การเรียนรู้การแบ่งปัน: การให้เด็กช่วยกันแบ่งขนมให้เพื่อน
  • การขอโทษและให้อภัย: สอนให้เด็กขอโทษเมื่อทำผิดและให้โอกาสเพื่อนให้อภัย
  1. นิทานที่เหมาะสม
  • นิทาน “หนูน้อยหมวกแดง”: เรื่องราวเกี่ยวกับความกล้าหาญและการตัดสินใจ
  • นิทาน “กบในกะลา”: สอนเรื่องการมองโลกให้กว้าง
  1. เพลงที่เหมาะสม
  • เพลง “หัวใจฉันอยู่ที่ไหน”: ช่วยเสริมทักษะทางภาษา
  • เพลง “ยิ้มเข้าไว้”: ส่งเสริมให้เด็กเข้าใจความหมายของความสุขและการมองโลกในแง่ดี
  1. น้ำหนักและส่วนสูง
  • น้ำหนักเฉลี่ย: ประมาณ 13-16 กิโลกรัม
  • ส่วนสูงเฉลี่ย: ประมาณ 95-105 เซนติเมตร
  1. IQ, EQ, EF
  • IQ: เด็กสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆ เช่น สี รูปทรง และสามารถคิดแบบเชื่อมโยงได้มากขึ้น
  • EQ: การพัฒนาอารมณ์ และรู้จักการแสดงออกในสถานการณ์ต่างๆ
  • EF (Executive Function): การควบคุมการกระทำและการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ
  1. ตารางกิจกรรมในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก

เวลา

กิจกรรม

07:00-08:00

ตื่นนอน, ทำกิจวัตรเช้า

08:00-09:00

กิจกรรมการเล่น (การสร้างสรรค์)

09:00-10:00

การเรียนรู้ภาษา (อ่านหนังสือ, สอนคำศัพท์)

10:00-11:00

กิจกรรมกลางแจ้ง (วิ่ง, กระโดด)

11:00-12:00

การเล่นกลุ่ม (แบ่งปันของเล่น, เล่นเกม)

12:00-13:00

มื้อกลางวัน

13:00-14:00

พักผ่อน/นอน

14:00-15:00

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (ทำงานศิลปะ)

15:00-16:00

กิจกรรมทางสังคม (เล่นกับเพื่อน)

16:00-17:00

การเตรียมตัวกลับบ้าน

  1. เฝ้าระวัง DSPM (Developmental Screening and Progress Monitoring)
  • ควรตรวจสอบพัฒนาการทางภาษา, ร่างกาย, สติปัญญา และการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เพื่อดูพัฒนาการในแต่ละด้าน
  1. การเรียนภาษาไทย คณิตศาสตร์ อังกฤษ และปัญหาเชาว์
  • ภาษาไทย: อ่านหนังสือเด็กและสอนคำศัพท์ใหม่ๆ
  • คณิตศาสตร์: การนับเลข, การแยกประเภทสิ่งของ
  • ภาษาอังกฤษ: เริ่มสอนคำศัพท์พื้นฐาน
  • ปัญหาเชาว์: เกมปริศนาและเกมที่กระตุ้นการคิดเชิงลึก
  1. กิจกรรมเสริม EF
  • การจัดระเบียบ: สอนให้เด็กเก็บของเล่นหลังการเล่น
  • การตั้งเป้าหมาย: สอนให้เด็กมีเป้าหมายในการทำกิจกรรมต่างๆ
  1. งานบ้าน
  • ให้เด็กช่วยในงานบ้านง่ายๆ เช่น การเก็บของเล่น, เช็ดโต๊ะ, หรือช่วยจัดห้อง
  1. การดูแลตัวเอง
  • สอนให้เด็กใช้ช้อนส้อมทานอาหารเอง, ล้างมือ, และดูแลความสะอาดส่วนตัว

การเสริมพัฒนาการในแต่ละด้านช่วยให้เด็กมีความสมดุลในด้านต่างๆ และเติบโตเป็นคนที่มีความพร้อมทั้งในด้านสติปัญญาและอารมณ์